ฟาร์มชิงจิ้ง สวรรค์กลางสายหมอก
ฟาร์มชิงจิ้งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1961 ตั้งอยู่ที่หลักกิโลเมตรที่ 8 ทางทิศเหนือของอู้เซ่อบนถนนทางหลวงจงเหิง ไถ 14 เจี่ย มีอากาศที่บริสุทธิ์ ต้นไม้ดอกไม้เต็มพื้นที่
ฟาร์มแห่งนี้มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1750 เมตร โดยมีอุณหภูมิเฉลี่ย 15°C-23°C ในเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกันยายนของทุกปี คุณจึงสามารถหลีกหนีจากความอบอ้าวในเมืองมาสู่บรรยากาศแสนสบาย เมื่อมองลงจากที่สูง ก็จะเห็นทุ่งหญ้าเขียวขจีดั่งพรมที่ปูไว้ ทำให้คุณลืมเวลากลับบ้านเลยทีเดียว
ช่วงเวลาเปิดให้เข้าฟาร์ม
เปิดทุกวันเวลา 08:00น. และปิดเวลา 17:00น.
เกี่ยวกับชิงจิ้ง
ฟาร์มชิงจิ้งมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามแตกต่างกันตลอดทั้งปี เมื่อเดินเข้ามาในฟาร์มคุณจะได้พบกับความงามตามธรรมชาติของที่นี่ ทั้งบึงที่เขียวขจี ก้อนเมฆปุกปุย ทุ่งหญ้าชิงชิง ไร่ผลไม้ที่ลดหลั่นกันไปตามสภาพภูมิประเทศ มาร่วมสัมผัสกับบรรยากาศท่ามกลางภูเขาสูงอันเงียบสงบเช่นนี้กันเถอะ
ชิงจิ้งที่เราพูดถึงนี้รวมไปถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบของฟาร์มชิงจิ้งซึ่งสังกัดคณะกรรมการที่ปรึกษาทหารเกษียณราชการ ทางใต้ของที่แห่งนี้อยู่ติดกับอู้เซ่อ ทางเหนืออยู่ติดกับเขาเหมยฟง โดยมีถนนสายไถ 14 เจี่ยพาดผ่านเส้นทางชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น ทุ่งหญ้าชิงชิง จุดชมวิว บริเวณศึกษาธรรมชาติสวนโซ่วซัน ขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงสวนลิตเติ้ลสวิส
สถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ทั้ง 8 แห่ง
1.กว๋อหมินเกสเฮ้าส์และหมู่บ้านป๋อวั่งซินชุน
สร้างขึ้นจากวัฒนธรรมของชนเผ่าอี๋ไป่พื้นเมืองเป็นหลัก ภายในโรงแรมมีพิพิธภัณฑ์โบราณวัตถุของทหารผ่านศึกและหมู่บ้านป๋อวั่งซินชุนของชาวเตียนเหมี่ยน ซึ่งได้บันทึกเรื่องราวของเหล่าทหารผ่านศึกและชนเผ่าเตียนเหมี่ยนที่ได้ใช้เวลาบุกเบิกสถานที่แห่งนี้รวมกว่า 50 ปี
โบราณวัตถุของชาวเตียนเหมี่ยนแสดงให้เห็นถึงบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ของทหารที่ฟันฝ่าต่อสู้อย่างลำพังในต่างแดน ความทรหดที่ต้องออกห่างจากบ้านเกิด ส่วนโบราณวัตถุของชาวทหารผ่านศึกเป็นบันทึกการต่อสู้ในช่วงสงครามจนถึงการย้ายเข้ามาไต้หวันและการบุกป่าเบิกไพรเพื่อสร้างบ้านพักจากต้นไม้ จนกลายเป็นสภาพอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ประวัติเหล่านี้ล้วนเป็นบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ที่ชวนอ่านจับใจ
หมู่บ้านของชนเผ่าในยูนนานเป็นชนเผ่าในตำนานที่มีศิลปะวัฒนธรรมคล้ายชาวไทยใหญ่ เมื่อมาที่แห่งนี้ คุณสามารถเยี่ยมชมพร้อมกับผู้บรรยาย มาสัมผัสกับนิเวศวิทยาของที่นี่ ร่วมผจญภัยในป่า ชมศิลปะวัฒนธรรมยูนนานและชิมอาหารพื้นเมืองของชาวไป่อี๋เป็นต้น ทำให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ที่มีวัฒนธรรมอันโดดเด่นไม่เหมือนใคร
2.สวนลิตเติ้ลสวิส
สวนสไตล์ยุโรปที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากสีสัน ร้อยเรียงกลายเป็นภาพวาดรูปต่างๆ ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก ภายในสวนแห่งนี้มีต้นเมเปิ้ล เมเปิ้ลเขียว สนขนนก ต้นบีช ต้นยูคาลิปตัส เป็นต้น ช่วยแต่งแต้มสีสันของฤดูต่างๆได้เป็นอย่างดี
บึงซือหยวนสร้างขึ้นด้วยการขยายบ่อน้ำเดิมบนเขา รอบๆบึงมีต้นไม้ ม้าหิน ศาลา สะพานโค้งเรียงรายกลายเป็นภาพวาดที่ชวนชม บริเวณนี้ยังมีการทำเป็นพื้นที่ตั้งเต๊นท์ บริเวณทางเข้ามีซุ้มประตูสไตล์ยุโรป กำแพงดอกไม้ และเส้นทางต้นหลิว ให้ความรู้สึกเหมือนได้อยู่ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์เลยทีเดียว
3.ทุ่งหญ้าชิงชิง
งหญ้าเขียวขจีที่มีฝูงวัวและแกะเดินขวักไขว่ไปมา เมื่อคนเลี้ยงแกะเป่านกหวีดส่งสัญญาณให้สุนัขเลี้ยงแกะวิ่งต้อนฝูงแกะ ฝูงแกะก็จะออกวิ่งบนสนามหญ้าซึ่งเป็นภาพที่น่าชมยิ่งนัก ที่นี่ยังมีกิจกรรมคัดแยกแกะ แนะนำลักษณะการใช้ชีวิตของแกะ และการแสดงโชว์ตัดขนแกะซึ่งเป็นโชว์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
4.การเลี้ยงสัตว์บนภูเขาสูง
ที่บริเวณสันเขามีเส้นทางเดินเท้าที่มองเห็นฟาร์มชิงจิ้งอยู่ไม่ไกล ให้ความรู้สึกเหมือนยืนอยู่บนทุ่งหญ้าที่สวิสเซอร์แลนด์ สามารถมองเห็นแนวเทือกเขาจงยังอันสง่างาม พื้นที่ราบลุ่มผูหลี่และวิวทิวเขาสูงต่ำไล่เลี่ยกัน เมื่อมองไปที่บึงชุ่ยหูก็เห็นเงาจากต้นไม้ตกกระทบลงมา เมื่อตะวันคล้อยก็สามารถเดินเล่นที่ภูเขาโส่วเฉิงเพื่อชมวิวทิวทัศน์และเดินออกกำลังกายกันได้
การแสดงโชว์แกะและขี่ม้าเป็นการแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก นักท่องเที่ยวสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับแกะ มาร่วมสัมผัสกับความน่ารักของเจ้าแกะน้อย เสริมสร้างปฏิสัมพันธ์ในครอบครัว ส่วนการแสดงขี่ม้า เป็นการแสดงท่าทางต่างๆบนม้า เช่น การหกสูงบนหลังม้า ม้ากระโดด กระโดดขึ้นหลังม้า เป็นต้น ให้คุณได้ตื่นตาตื่นใจไปกับการแสดงสุดเร้าใจนี้
นอกจากการแสดงสุดตระการตาแล้ว การสัมผัสประสบการณ์เป็นคนเลี้ยงแกะและคนฝึกม้าก็เป็นวิธีการหนึ่งที่ยอดเยี่ยมที่จะได้ท่องเที่ยวในฟาร์มชิงจิ้ง เรียนความรู้ทางปศุสัตว์จากคนเลี้ยงแกะมืออาชีพและโค้ช เทคนิคการต้อนแกะหรือสัมผัสวิธีการขี่ม้าพื้นฐาน ทำให้นอกจากจะได้เที่ยวฟาร์มชิงจิ้งเชิงลึกแล้ว ยังเป็นตัวเลือกที่เพิ่มความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวและเพื่อนได้เป็นอย่างดี
5.สวนเรียนรู้นิเวศทางธรรมชาติ
รูปปั้นท่านซุนเป็นจุดที่สูงที่สุดของสวนโซ่วซัน สวนแห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขา อีกทั้งยังปราศจากมลภาวะทางแสง เหมาะสำหรับการชมดาวในเวลากลางคืน ภายในสวนมีการปลูกพืชสายพันธุ์ต่างๆมากมาย อีกทั้งยังมีส่วนแสดงข้อมูลทางชีวภาพต่างๆ และการจัดกิจกรรมบรรยายอยู่บ่อยครั้ง ภายในสวนมีการปลูกเมเปิ้ลสีเขียว ต้นเมเปิ้ล ต้นซากุระ ต้นแปะก๊วย ซึ่งจะเปลี่ยนสีและออกดอกในฤดูกาลที่แตกต่างกัน เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการชมนกในเวลาเช้าและพลบค่ำ รวมไปถึงชื่นชมความงามของธรรมชาติเป็นอย่างยิ่ง
6.เส้นทางเท้าสุดพิเศษ
เส้นทางเท้าสายต่างๆเหล่านี้เชื่อมต่อกันตั้งแต่เหนือจรดใต้ เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับการเดินชมธรรมชาติ ออกกำลังกาย และชมวิวทิวทัศน์ตั้งแต่ทุ่งหญ้าชิงชิงถึงโรงแรมกว๋อหมิ๋น โดยมีชื่อว่าเส้นทางกวนซัน ปู้ปู้เกาเซิง ลว่อยื่อ หลิ่วซัน บึงชุ่ยหู และไร่ชาฉาหยวนเป็นต้น
เส้นทางเท้าเหล่านี้เชื่อมต่อเข้ากับสถานที่ต่างๆซึ่งนอกจากจะสามารถชมวิวภูเขา ก้อนเมฆ ดอกไม้ บึง และดวงอาทิตย์ตกดินแล้ว ยังมีอากาศที่สดชื่นและวิวที่งดงามรอให้คุณมาสัมผัส
7.จุดชมวิวบึงปี้/ชุ่ยหู
เมื่อครั้งที่ท่านประธานาธิบดีเจียงเดินทางมาที่นี่ ท่านได้เห็นวิวภูเขาล้อมรอบบึงที่มีสีเขียว อีกทั้งยังมีวิวเขาสวยงาม เหมือนดั่งมรกตที่ฝังอยู่ในหุบเขา จึงได้ตั้งชื่อบึงแห่งนี้ว่า “ปี้หู”
เส้นทางเท้าโดยรอบฟาร์มชิงจิ้งสามารถมองเห็นวิวบึงระยะไกลได้ ให้ความรู้สึกเสมือนว่าบึงและภูเขาได้หลอมรวมกลายเป็นภาพวาดอันแสนงดงาม
8.เทือกเขาฉีไหล
เป็นหนึ่งในร้อยภูเขาที่สำคัญของไต้หวัน ตั้งอยู่บนเทือกเขาจงยัง
เมื่อตื่นมาในตอนเช้าตรู่ คุณจะพบกับวิวเขาที่ซ้อนเรียงต่อกันเป็นชั้นๆ เมื่อแสงตกกระทบในยามเช้าจะเห็นแสงที่แปรเปลี่ยนไปเป็นสาย สวยงามไม่แพ้ดวงองทิตย์ขึ้นที่เขาอาหลี่ซันเลยทีเดียว